18.30 น.
พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรสต์ เคาน์เตอร์เช็คอิน แถว T อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4
เจ้าหน้าที่เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก
20.35 น.
โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK373 นำท่านเหินฟ้าสู่ ดูไบ
ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
00.50 น.
ถึงท่าอากาศยานดูไบ แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
04.40 น.
โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK761 นำท่านเหินฟ้าสู่ โจฮันเนสเบิร์ก
เช้า
อาหารเช้า บริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม
10.15 น.
ถึงท่าอากาศยานนานาชาติ โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
หลังพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่ ภัตตาคาร
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ซันซิตี้ เมืองที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโจฮันเนสเบิร์ก และได้รับฉายาว่า เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล เนื่องจากเป็นแหล่งที่ตั้งของโรงแรม รีสอร์ท และสถานบันเทิง คาสิโน รวมถึงสนามกอล์ฟ เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่ได้รับความนิยมอีกเมืองหนึ่ง ความเป็นมา คือ พื้นที่แห่งนี้ได้รับการเนรมิตโดยอภิมหาเศรษฐีนามว่า Sol Kerzner ที่ใช้เงินลงทุนกว่า 28,000 ล้านบาท และใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 18 ปี ในการปรับเปลี่ยนที่ดินอันว่างเปล่าแห่งนี้ให้กลายมาเป็นเมืองอันยอดนิยม โดยเริ่มสร้างโรงแรมมาตั้งแต่ โรงแรมเดอะ ซัน ซิตี้ , โรงแรมเดอะคาบานาว, โรงแรมเดอะ คาสเคต จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1992 จึงได้เริ่มสร้าง เดอะ พาเลส ออฟ เดอะ ลอส ซิตี้
นำท่านเข้าสู่ที่พัก พาเลส ออฟ เดอะ ลอส ซิตี้ ตั้งอยู่บนอดีตปล่องภูเขาไฟ รูปแบบของสถาปัตยกรรมเป็นแบบโคโลเนียนผสมแอฟริกัน ภายในวิจิตรไปด้วยศิลปะการตกแต่งประดับประดาโดยใช้กระจกสี โมเสก ภาพเฟรสโก ตัวอาคารตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่น ที่ราวกับว่าเป็นปราสาทเทพนิยายของอาณาจักรแอฟริกันที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาธรรมชาติ
อิสระให้ท่านได้เพลินเพลินและพักผ่อนตามอัธยาศัยภายในที่พักที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิเช่น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และทะเลน้ำจืดเทียมขนาดยักษ์ที่เรียกว่า Valley of Wave ที่มีลักษณะเหมือนทะเลจริงๆ รายล้อมด้วยขุนเขาและต้นไม้นานาชนิดที่ได้รับการตกแต่งอย่างเป็นระเบียบอย่างสวยงาม ใกล้ๆกันนั้น คือ สะพานแห่งกาลเวลา ที่สองข้างทางจะมีช้างแกะสลักเรียงรายอยู่ ซึ่งสะพานนี้ได้เชื่อมต่อกับกองหินอันมหึมาที่มีความเชื่อว่าเป็น เมืองที่สูญหายไป และเพื่อเป็นการระลึกถึงความทรงจำนี้ ในทุกๆชั่วโมงสะพานจะถูกเขย่าเสมือนแผ่นดินไหว อีกทั้ง ยังมีสนามกอล์ฟที่ได้มาตรฐานระดับโลกและเคยใช้เป็นสถานที่แข่งขันกอล์ฟนัดสำคัญๆ มาหลายครั้ง นอกจากนี้ ยังมี คาสิโน ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
พักค้างแรม ณ โรงแรม Palace of The Lost City หรือในระดับเดียวกัน
Option
ในช่วงเช้าตรู่
นำท่านออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ จุดปล่อยบอลลูนภายในอุทยานแห่งชาติพิลาเนสเบิร์ก เพื่อนำท่านสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจไปกับการ ขึ้นบอลลูนชมพระอาทิตย์ทอแสงยามเช้า ที่ปลายขอบฟ้า ณ ดินแดนประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้แห่งนี้
จากนั้น คณะนักบินและพนักงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทบอลลูนรอต้อนรับพร้อมอธิบายรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องทราบเกี่ยวกับการขึ้นบอลลูน พร้อมชมการสาธิตขั้นตอนต่าง ๆ โดยละเอียด
หลังจากนั้น ให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจที่จะทำให้ท่านจดจำไปตลอดชีวิต กับการล่องลอยขึ้นเหนือฟากฟ้า ซึ่งมีธรรมชาติอันแสนพิสุทธิ์บวกกับสายลมแผ่วพลิ้วเย็นสบายในยามเช้า รับอรุณกับวันใหม่เหนือแสงอาทิตย์สีสันสดใส ขอบฟ้าตัดกับแนวสีเขียวของธรรมชาติรอบๆตัว ที่รอคอยมอบความสุขให้แก่ท่านไปนานแสนนาน
เช้า
นำท่านออก Game Drive เพื่อชมสัตว์ป่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติพิลาเนสเบิร์ก ที่ออกหากินในช่วงเช้ามืด พร้อมกับชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ท่ามกลางอากาศของธรรมชาติที่สุดแสนบริสุทธิ์
จากนั้น นำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติ พิลาเนสเบิร์ก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแอฟริกาใต้ อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 572 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อหลายร้อยปีก่อน ทำให้ผืนดินมีแร่ธาตุอุดมสมบรูณ์ มีความเขียวชอุ่มเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานับชนิด และต่อมาจึงเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการท่องป่าแบบซาฟารี
จากนั้น นำท่านออก Game Drive โดยนำท่าน นั่งรถ 4WD ตะลุยป่าซาฟารี ชมสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรีตามธรรมชาติในป่าซึ่งเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะ และทุ่งหญ้าสะวันนา จนถึงกึ่งทะเลทราย ท่านมีโอกาสที่จะได้พบกับสัตว์นานาชนิดมากมายหลายสายพันธุ์ รวมถึงสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 หรือที่เรียกกันว่า Big Five นั่นคือ ควายป่า ช้าง สิงโต แรด และเสือดาว แต่อย่างไรก็ตาม การพบเห็นสัตว์ครบทั้ง 5 ชนิดนั้น ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะสัตว์เหล่านั้น มักจะแยกอยู่กันอย่างอิสระ
พักค้างแรม ณ โรงแรม Kwa Maritane Bush Lodge หรือในระดับเดียวกัน
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เพรทโตเรีย เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับสมญานามว่าเป็นกรุงเยรูซาเลมแห่งแอฟริกัน ปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงด้านการบริหารประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่า “City of Jacaranda” เนื่องจากในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ต้น Jacaranda จะออกดอกสีม่วงบานสะพรั่งสวยงามดุจดั่งซากุระของชาวญี่ปุ่น
นำท่านชม จัตุรัสโบสถ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งแรกในเพรทโตเรีย ได้รับการออกแบบให้ดูคล้ายๆ กับการผสมผสานระหว่างจัตุรัสทราฟัลการ์ในมหานครลอนดอน และจัตุรัสคองคอร์ดในกรุงปารีส ด้านหน้าจัตุรัสท่านจะพบกันอนุสาวรีย์รูปปั้นอดีตประธานาธิบดี Paul Kruger ตั้งเด่นสง่าอยู่
จากนั้น นำท่านชมด้านนอก อาคารยูเนี่ยน ที่ปัจจุบัน เป็นที่ทำการของประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ โดยทางด้านนอกอาคาร มีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี เนลสัน แมนเดลล่า ตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่งอาคารยูเนี่ยนนี้เป็นผลงานการสร้างของสถาปนิกชาวอังกฤษที่ชื่อว่า Sir Herbert Baker ในปีค.ศ. 1910 โดยใช้สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากเกาะอังกฤษ ตัวอาคารเรียงเป็นรูปครึ่งวงกลม แบ่งตัวอาคารเป็นสองฝั่ง โดยมีหอนาฬิกาอยู่ตรงกลางคล้ายหอนาฬิกาบิ๊กเบนในมหานครลอนดอน และสร้างจากหินทรายทั้งหมด นับเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของประเทศ ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
แล้วนำท่านชม อนุสรณ์สถานวูเทรกเกอส์ อาคารขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการประกาศชัยชนะ และรำลึกถึงความกล้าหาญของชาววูเทรกเกอส์ หรือก็คือผู้บุกเบิกดินแดนแอฟริกา ตัวอาคารมีขนาดความสูง 40 เมตร ใช้หินแกรนิตเป็นวัสดุหลักในการสร้าง ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศที่แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมกว่า 200,000 คน
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ โจฮันเนสเบิร์ก หรือที่ชาวแอฟริกาใต้เรียกกันสั้นๆ ว่า โจเบิร์ก เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแอฟริกาใต้ ได้รับฉายาว่า THE GOLD CITY เนื่องจากในช่วงศตวรรษที่ 20 มีการแบ่งแยกสีผิว ทำให้เกิดชุมชนต่างผิวขึ้นคนละมุมเมือง โดยแยกเป็นเมืองคนขาว คือ Sandton และเมืองคนดำคือ Soweto ปัจจุบัน โจฮันเนสเบิร์กเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่สุดของแอฟริกาใต้ เมืองแห่งความบันเทิงและการพักผ่อนหย่อนใจ เพราะโจฮันเนสเบิร์กเป็นเมืองซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร แสงสียามค่ำคืน ผับ บาร์ ซิการ์บาร์ แหล่งช้อปปิ้ง สปาเพื่อสุขภาพและความงาม
นำท่านเดินทางสู่ โรสแบ้งค์ มอลล์ ให้ท่านได้ช้อปสินค้ามากมายหลากหลายทั้งสินค้าแบรนด์เนมและสินค้าท้องถิ่น โดยแบ่งออกเป็นในส่วนของห้างสรรพสินค้า และร้านค้าภายนอกที่จะเป็นสินค้าหัตถกรรม เช่น ผ้าพันคอ และเครื่องประดับ เป็นต้น จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินเล่น หรือเลือกซื้อของตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย
พักค้างแรม ณ โรงแรม Intercontinental OR Tambo หรือในระดับเดียวกัน
นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติ โจฮันเนสเบิร์ก
07.45 น.
โดยสายการบิน เซาท์แอฟริกัน แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ SA313 นำท่านเหินฟ้าสู่ เคปทาวน์
08.25 น.
ถึงท่าอากาศยานเคปทาวน์ หลังพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ ฟรานชฮุค เมืองเล็กๆ ในแถบ Western Cape ที่เต็มไปด้วยไร่ไวน์มากมายและยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง ระหว่างทางท่านจะได้ชมทิวทัศน์ของความสวยงามทางธรรมชาติอันสุดแสนบริสุทธิ์
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร ให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติของไวน์อันขึ้นชื่อ และเลือกซื้อไวน์เป็นของฝาก
จากนั้น อิสระให้ท่านเดินเล่นชมความน่ารักของเมือง พร้อมเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นจนถึงเวลานัดหมาย
ได้เวลานัดหมาย นำท่านเดินทางกลับสู่ เคปทาวน์ เมืองใหญ่อันดับสามของประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดและมีเสน่ห์ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก มีภูเขาล้อมรอบ และเป็นที่ตั้งของแหลมกู๊ดโฮป ซึ่งยื่นออกไประหว่าง 2 มหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้มีภูมิอากาศแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เคปทาวน์ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 2010
พักค้างแรม ณ โรงแรม Table Bay หรือในระดับเดียวกัน
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านสัมผัสกับประสบการณ์ด้วยการ นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมเคปทาวน์ ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพอันสวยงามของตัวเมืองเคปทาวน์จากมุมสูง แบบ Bird Eyes View ชมความอัศจรรย์ทางธรรมชาติเหนือชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกอันสวยงาม โดยเฉพาะ
เทเบิ้ล เมาท์เท่น จากมุมมองอันสุดแสนพิเศษที่จะทำให้ท่านประทับใจและติดตรึงอยู่ในใจนานแสนนาน (ใช้ระยะเวลาในการนั่งเฮลิคอปเตอร์เที่ยวชมทัศนียภาพประมาณ รอบละประมาณ 15 นาที)
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ วี แอนด์ เอ วอเตอร์ฟร้อนท์ คอมมูนิตี้ มอลล์ หรือแหล่งช้อปปิ้งในรูปแบบสไตล์โมเดิร์น ที่ตั้งอยู่ริมท่าเรือเก่า มีร้านค้ามากมายให้ท่านได้เดินชมไม่ว่าจะเป็นร้านค้าเครื่องประดับ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ต
พักค้างแรม ณ โรงแรม The Table Bay หรือในระดับเดียวกัน
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ Hout Bay เพื่อนำท่านล่องเรือชมฝูงแมวน้ำจำนวนมากที่นอนอาบแดดอยู่บนเกาะดุยเกอร์ ซึ่งระหว่างเดินทางสู่ท่าเรือนั้น ท่านจะได้ชมความงดงามของชายฝั่งบริเวณ เคปเพนินซูล่า
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เคปพอยท์ จุดใต้สุดของ แหลมกู๊ดโฮป หนึ่งในสถานที่ที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของแอฟริกาใต้ และเป็นฉากหนึ่งในภาพยนต์ฮอลลีวูด “Pirates of the Caribbean” ที่ให้ความรู้สึกราวกับกำลังมองไปยังเส้นขอบโลก เคปพอยท์ตั้งอยู่ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเทเบิ้ลเม้าน์เท้น เป็นบริเวณที่ที่รู้จักกันดีว่ามีกระแสคลื่นและลมทะเลที่รุนแรง ด้วยหน้าผาสูงตระหง่าน และโขดหินโสโครกมากมาย นับเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์ที่โด่งดังระดับโลก และทำให้เรือใหญ่อัปปางมาแล้วถึง 26 ลำ ในขณะเดียวกันก็ยังมีความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ บึงน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับเมื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ หุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้และพืชพันธุ์ที่มีความหลากหลาย รวมไปถึงสัตว์และนกกว่า 250 สายพันธุ์
จากนั้น นำท่าน ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าแบบราง เดอะฟลายอิงดัตช์แมน สู่ยอดเขา เคปพอยท์ เพื่อชมทิวทัศน์ที่งดงามของ 2 มหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก ชื่อของกระเช้าไฟฟ้านี้มาจากชื่อของเรือในตำนาน ที่ผ่านเข้ามายังน่านน้ำแห่งนี้และได้อัปปางลงเพราะกระแสคลื่นลมที่รุนแรง กลายเป็นเรือปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในม่านหมอก และกลายเป็นเรื่องเล่าของเล่านักเดินเรือสืบต่อกันมา นำท่านชม ประภาคารเคปพอยท์ ซึ่งช่วยให้สัญญาณกับนักเดินเรือให้ระวังหน้าผาและหินโสโครก โดยไฟจากประภาคารนี้สามารถเห็นได้จากในทะเลห่างจากฝั่งถึง 101 กิโลเมตร
แล้วนำท่านชม อาณานิคมนกเพนกวิน หาดโบวล์เดอร์ เพื่อให้ท่านได้ชม ความน่ารักของนกเพนกวินตัวน้อย ซึ่งเป็นนกเพนกวินแอฟริกันที่ใกล้สูญพันธุ์ ในปี ค.ศ. 1982 นกเพนกวินเริ่มขยายพันธุ์มากขึ้น ณ หาดแห่งนี้จนกลายเป็นอาณานิคมนกเพนกวินที่มีนกเพนกวินอาศัยอยู่มากถึงราว 3,000 ตัว
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เคปทาวน์
พักค้างแรม ณ โรงแรม The Table Bay หรือในระดับเดียวกัน
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร พาท่านสัมผัสประสบการณ์การชมเคปทาวน์ไปกับ รถไซด์คาร์ สนุกสนานพร้อมเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันความสวยงามทางธรรมชาติ เพื่อเดินทางสู่ เทเบิ้ล เมาท์เท่น หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของแอฟริกาใต้ ภูเขาลูกใหญ่กลางเมืองที่สามารถมองเห็นได้จากทุกสารทิศ มีรูปทรงแปลกตาคือ มีลักษณะคล้ายกับโต๊ะที่แบนราบตั้งอยู่บนแผ่นดิน จึงทำให้ภูเขาลูกนี้ได้ชื่อว่า เทเบิ้ล เมาท์เท่น มีความสูง 1,086 เมตร และเป็นที่นิยมของเหล่านักปีนเขา ด้วยเส้นทางชมธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกัน
แล้วนำท่าน ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเทเบิ้ล เมาท์เท่น เพื่อชมทัศนียภาพที่งดงามเหนือเคปเพนินซูล่า ซึ่งพื้นของกระเช้าแต่ละคันสามารถหมุนให้ทุกคนได้ชมทิวทัศน์แบบมุมมอง 360 องศาอีกด้วย
อิสระให้ท่านดื่มด่ำกับบรรยากาศและความงดงามของวิวทิวทัศน์ที่ท่านจะได้เห็นมหาสมุทรแอนแลนติกได้ไกลสุดสายตา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอยากจะมาเยือน
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเคปทาวน์
18.15 น.
โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK711 นำท่านเหินฟ้าสู่ ดูไบ
ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
อาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม