"Kagoshima เสน่ห์แห่งคิวชูตอนใต้"
ถ้าพูดถึงเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ตอนใต้สุดของภูมิภาคคิวชู คงหนีไม่พ้นเมือง “Kagoshima” เมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์อย่างแท้จริง และยังได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างเกาะ Yakushima ที่มีต้นยากุสุกิอันล้ำค่าในป่าดิบชื้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้ให้เราออกตามหา
DAY 1
ทริปนี้เราเดินทางมุ่งหน้าสู่ สนามบินฟุกุโอกะ เราเดินทางเข้าไปยังสถานีฮากาตะ จากนั้นเราเดินทางไปยังคาโกชิม่าโดยรถไฟชินคันเซน จากฮากาตะสู่คาโกชิม่าชูโอ (Kagoshima Chuo) ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่ง
พอถึง Kagoshima เรานั่งรถไปยังอิบูสุกิ ที่แรกที่เราไปกันคือ เมจิกุระมิวเซี่ยม เป็นมิวเซี่ยมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและกรรมวิธีของการทำโชจู พร้อมกับมีโมเดลน่ารักๆ แสดงขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรกให้ดูอีกด้วย
ใกล้ๆ กันมีร้านอาหารฝรั่งเศสลูกครึ่งญี่ปุ่นเป็นร้านในเครือของมิวเซี่ยมด้วยเช่นกัน แถมร้านนี้มีพนักงานหุ่นยนต์สุดแบ๊วมาทักทายต้อนรับพวกเราอยู่หน้าร้าน ส่วนอาหารขอบอกว่าที่นี่มะเขือเทศปั่น อร่อยมากกกกก สดมากกก บดมาได้ละเอียดละมุนลิ้น มีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ แทรกเค็มขึ้นมาหน่อยๆ ขนาดคนไม่ชอบมะเขือเทศยังทานได้เลย
ของดีขึ้นชื่อแห่งอิบูสุกินั่นก็คือ นางาชิโซเมน (Nagashi-somen) ปกติแล้วหลายๆ คนเคยกินบะหมี่เย็นกันอยู่แล้ว แต่ที่นี่พิเศษกว่านั้นเพราะเค้าเคลมว่าเป็น “ต้นตำรับแห่งโซเมนว่ายน้ำ” ขนาดน้ำที่ใช้เนี่ยยังขึ้นชื่อเรื่องความสะอาดบริสุทธิ์จากแหล่งธรรมชาติ จนติดอันดับ 1 ใน 100 น้ำที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย
เห็นหน้าตาโซเมนบ้านๆ เนี่ย พอลองได้เล่นกับอาหารรู้สึกเริ่มสนุก แถมยิ่งได้ลองเข้าปากแล้ว อะหื้ออออออ จัดว่าเด็ด อร่อยมาาาากกกกกก
มาถึงอิบูสุกิทั้งทีกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคืออบทรายร้อนที่ Sayuri Sand Bath ที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้น ใช้เวลาเพียง 15 นาที ในการอบทรายร้อนก็สามารถทำให้คุณผ่อนคลายไปทั้งตัวแถมเรียกเหงื่อได้ดีอีก แถมบริเวณด้านหน้ายังมีไข่กับมันร้อนๆ ให้เราหลังจากอบทรายร้อนเสร็จอีกด้วยนะคะ
ปิดท้ายวันแรกด้วยการมุ่งหน้าสู่ที่พัก โรงแรมสุซุยเอ็น (Shusuien Hotel) ห่างจากที่เราอบทรายร้อน 15 นาที โรงแรมนี้มีความสวยงามแถมยังโด่งดังเรื่องอาหารจนได้รับการันตีจากซีเล็กเต็ดเรียวกัง พอได้ลองสัมผัสรสชาติอาหารทีละอย่างแล้วต้องเห็นด้วยว่าอาหารอร่อยมากกก…
DAY2
วันนี้เราตื่นแต่เช้า เพื่อเดินทางไปยังท่าเรืออิบุสุกิเดินทางข้ามเกาะไปยัง Yakushima เพราะวันนี้เรามีแพลนไปเดินป่ากันนั่นเองจ้า เกาะ Yakushima เนี่ยเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะคิวชู โดยอยู่ห่างจากจุดใต้สุดของเกาะคิวชูไปประมาณ 60 กิโลเมตร เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีป่าดงดิบและภูเขาอยู่ภายในเกาะ ที่มีต้นไม้ยากุสุกิอายุกว่า 1,800 ปี และเกาะแห่งยังได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1993 โดยที่นี่ได้รับสมญานามว่า เกาะแห่งป่าและน้ำอันเก่าแก่
เมื่อเดินทางมาถึงยากุชิม่า เรื่องราวสุดสยองก็บังเกิดฝนตกแบบตกตลอดทั้งวัน = = เราจึงเริ่มต้นด้วยการมุ่งหน้ามายังร้านเช่าอุปกรณ์เดินป่าจากท่าเรือเพียง 1 นาทีเท่านั้น เมื่ออุปกรณ์พร้อมเราก็เริ่มไปเดินป่ากันเลย มุ่งหน้าสู่ชิราทานิอุซุยเกียว ตามล่าหาต้นยากุสุกิกัน จากจุดเช่าอุปกรณ์เดินป่าเดินทางโดยรถแวนใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงจุดออกตัวเดินป่า บรรยากาศโดยรอบเขียวขจี ชุ่มฉ่ำ
เอาล่ะ… ระยะทางเดินป่าวันนี้ 1 กิโลเท่านั้นเอง คิดในใจจิ๊บๆ แต่พอเอาเข้าจริงคือเริ่มหอบแฮ่กๆ ตั้งแต่ 300 เมตรแรก เพราะแม่เจ้ามันคือการปีนโขดหิน ขนาดมหึมา ข้ามสะพาน โหนกิ่งไม้ ขั้นบันได แต่ความสนุกคือการได้เห็นความเขียวขจี ของต้นไม้หลากหลายพันธุ์ในป่าดิบ เสียงน้ำตกที่สาดกระเซ็นอย่างไพเราะและความเพลิดเพลินกับการเดินที่เราต้องลุ้นว่าข้างหน้าจะเจออะไรจะเดินแบบไหน อีกทั้งกลิ่นอายธรรมชาติที่อบอวนอยู่รอบตัวนี่มันสวรรค์ชัดๆ เดินมาอีกนิดเราก็ได้พบกับต้นไม้ใหญ่ขนาดรอบต้นไม้ 4.4 เมตรอายุราวๆ 1800 ปี ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าทั้งมอสและพันธุ์ไม้ป่าดิบชื่นขึ้นเกาะเกียวกับต้นยากุสุกิอย่างสวยงาม เมื่อแชะภาพจนหนำใจแล้วเราก็ใช้เส้นทางเดินเดิมเพื่อกลับสู่จุดจอดรถ… ตลอดระยะทางคือสวยงามชุ่มช่ำมาก
เหนื่อยกับการเดินป่ากันแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ภัตตาคารอาหารที่จุดเช่าอุปกรณ์เดินป่า เมนูวันนี้เป็นราเมงปลาตัวเบ้อเริ่ม ไม่รู้ว่าเรียกปลาอะไรแต่เป็นปลาที่มีมากในทะเลบริเวณยากุชิม่าและทะเนกะชิม่า ซุปอร่อยใช้ได้เนื้อปลาไม่ยุ่ยกำลังดี ค่าเสียหายไม่ถึง 1000 เยน
จากนั้นเรามุ่งหน้าสู่จุดบริการข้อมูลใช้เวลาเดินทางอีกเพียง 1 นาที ภายในมีเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวและเดินป่าบนเกาะยากุชิม่า อีกทั้งภายในมีโรงหนังที่เราสามารถเข้าไปดูหนังที่เล่าเรื่องราวของเกาะแห่งนี้ด้วย และเป็นมิวเซี่ยมจัดแสดงพันธุ์ไม้ยากุสุกิและแผนผังที่ตั้งจุดเดินป่า จุดถ่ายภาพ และให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติบนเกาะยากุชิม่า
แล้วเดินทางกันต่อ ไปยังบริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะยากุชิม่า ถนนช่วงนี้มีหนึ่งกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นสำหรับเราเป็นอย่างมาก เพราะนั่นคือการตามล่าหาลิงกับกวาง ซึ่งมักจะพบเจอบริเวณนี้เราจอดรถและเดินตามส่องสัตว์เป็ยระยะทางครึ่งโลบนถนนปกติที่รถวิ่ง แต่ก็จะมีลิงและกวางออกมาให้ยลโฉมกันอย่างสนุกสนาน
อีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำให้ไปสุดๆ คือ น้ำตกโอโนะทาคิ (Oko no taki Waterfall) ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที แล้วเดินเท้าเข้าไปแปปเดียวก็จะพบน้ำตกโอโนะทากิ เป็นน้ำตกที่เคลมว่าสวยและขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 100 น้ำตกญี่ปุ่นมีความสูงที่ 88 เมตร ด้วยความที่เรามาเยือนฤดูน้ำหลากจึงเห็นความอลังการยิ่งของน้ำตก จัดว่าเป็นหนึ่งสถานที่ที่ควรไปเยือนเมื่อมาเกาะแห่งนี้
คืนนี้เราพักกันที่โรงแรมซันคาระยากุชิม่า (Sankara Hotel and Spa Yakushima) เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดบนเกาะยากุชิม่าและจังหวัดคาโกชิม่า พร้อมดินเนอร์มื้อค่ำที่มีรสชาติอร่อยมากกก สัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่เชฟทำให้เราชิม
DAY3
วันนี้เราก็มุ่งหน้าสู่จุดชมความงามธรรรมชาติอีกหนึ่งที่กับกิจกรรมเดินป่ายากุสุกิแลนด์ (Yakusugi Land) เส้นทาง 0.8 กิโลเมตร เบาๆ ชิวๆ ไม่ยาก อากาศดี มีกลุ่มเด็กน้อยมาทัศนศึกษาด้วย เป็นเรื่องโชคดีที่เราแอบเก็บข้อมูลของไกด์ป่าที่บรรยายให้นักเรียนได้ ระยะทางเดินป่าทั้งหมดเป็นบันไดเดินง่าย ไฮไลท์เส้นทางนี่คือความเรียบง่ายและการที่เราได้เข้าไปศึกษาสายพันธุ์ของต้นซีด้าประเภทต่างๆ
สถานที่ถัดไปสู่มิวเซี่ยมยากุสุกิ (Yakusugi Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้อายุหลายพันปีของยากุสุกิและโจมงสึกิต้นไม้อายุยืนที่สุดบนเกาะแห่งนี้ ภายในจัดแสดงเรื่องราวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเกี่ยวกับต้นไม้ทั้งชั้น 1 และ 2
สำหรับมื้อกลางวันเรามาทานกันที่ร้าน Katagiri-san เมนูแนะนำทางร้านคือฮิสึมาบุชิหน้าตาละม้ายคล้ายปลาไหลชื่อดังนาโกย่าแต่เป็นปลาที่จับได้แถบทะเลยากุชิม่าและทะเนะกาชิม่า
แล้วมุ่งหน้าสู่ร้านขายของที่ระลึก ภายในจำหน่ายของที่ระลึกที่ทำจากต้นยากุสุกิทั้งหมด พร้อมชมวิธีการผลิตซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของร้านอีกด้วย ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ถูกหิมะโค่นล้ม มีกลิ่นหอม แถมยังมีพวงกุญแจสลักชื่อเราเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย
จากนั้นเดินทางสู่ท่าเรือ Yakushima Miyanoura Port เพื่อออกเดินทางไปยังเกาะ Tanegashima ที่แรกเรามุ่งหน้าสู่จุดชมวิวและถ่ายภาพหิน Otatsu – Metatsu no iwa rocks หินทางขวาเป็นตัวแทนมังกรเพศหญิง ส่วนทางซ้ายเป็นตัวแทนมังกรเพศชาย ที่นี่เหมาะแก่การมาถ่ายภาพยามพระอาทิตย์ตกดินมากก
มุ่งหน้าสู่ Chikura no Iwaya cave เป็นหนึ่งจุดชมวิวถ่ายภาพถ้ำหินสีเหลืองทองท่ามกลางท้องทะเลที่มีเสียงคลื่นซัดฝั่งอย่างไพเราะ
เดินทางสู่ที่พักคืนนี้ที่ Iwasaki Hotel เป็นโรงแรมที่ภายนอกนั้นมีแต่สีชมพูสดใสเด่นชัด แถมรถบัสและจักรยานก็ยังเป็นสีชมพูอีกอะไรจะขนาดนั้น ห้องพักของที่นี่จะหันหน้าไปทางทะเลซึ่งสวยมากและเงียบสงบมากไม่มีคนเลย
DAY4
วันนี้เราไปกันที่ Hirota Remains museum ภายในจัดแสดงโครงกระดูก เครื่องใช้วิถีชิวิตเครื่องประดับโบราณของคนสมัยก่อนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมายังคาโกชิม่า
แล้วเดินทางต่อไปยังสถานีอวกาศ JAXA Tanegashima Space Centre ตอนรู้ว่าจะได้มาเนี่ยตื่นเต้นสุดๆ ใครที่ชื่นชอบแนวนี้ต้องบอกเลยว่าต้องมีที่ให้ได้ เพราะภายในมีพวกอุปกรณ์อวกาศ จำลองยานอวกาศ อาหารนักบิน และเรื่องราวเกี่ยวกับยานอวกาศ แถมเรายังได้ใช้บริการ Tour นั่งรถตามจุดต่างๆ เราได้ไปทั้งหมด 3จุด ได้แก่ Rocket Hill Observation Spot เป็นจุดชมวิวสำหรับมาดูการปล่อยจรวดของที่นี่ , Rocket Garage, Takesaki range control center
มื้อกลางวันสำหรับวันนี้ถือเป็นมื้อไฮไลท์วันนี้เลย เปนเมนูมินิไคเซกิกุ้งล็อบเตอร์ตัวโตๆ
จากนั้นมุ่งหน้าสู่ท่าเรือทาเนกาชิม่า เพื่อล่องเรือด่วนเฟอร์รี่ข้ามเกาะไปยังเกาะหลักคาโกชิม่าใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
ชมพิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วที่ผลิตโดยการเป่าแก้วแล้วตัดแบบแฮนด์เมด โดยภายนอกเป็นอาคารสไตล์ประเทศฝั่งตะวันตก แต่ภายในมีกลับความเป็นญี่ปุ่นจ๋ามาก
พิพิธภัณฑ์นี้ทำการจัดแสดงตัวอย่างเครื่องแก้ว และประวัติความเป็นมาของเครื่องแก้ว โดยเครื่องแก้วส่วนใหญ่ จะเป็นของที่ทำถวายกษัตริย์ จึงทำให้เป็นผลิตภัณฑ์อันทรงคุณค่าที่ราคาสูงหลักล้านเยน
แต่น่าเสียดายที่ภายในพิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปได้ ใกล้ๆ กันมีอาคาร Starbucks อายุกว่า 200 ปี เป็นตึกทรงเวสเทิร์นสวยงาม เหล่าสาวกนางเงือกไม่ควรพลาดถ้าได้มาเมืองนี้
แล้วเดินสู่สวนเซนกาเน็น สวนสวยขนาดใหญ่ที่ภายในนอกจากสวนญี่ปุ่นแล้วยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงน้ำชา และจุดชมวิวซากุระจิม่า ควรค่าแก่การเข้าชม
โรงแรมคืนสุดท้ายของทริปนี้เราไปพักกันที่ Shiroyama Hotel เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงและดีที่สุดใน Kagoshima แถมบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ถ้าได้มาเยือนเมืองนี้ก็ต่างมาพักที่นี่เหมือนกัน แถมที่นี่ยังมีโรงผลิตเบียร์ของตัวเองอีกด้วย
พอเช็คอินเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเรานั่งรถเข้าไปในตัวเมืองเดินเล่นชมเมือง Kagoshima ในยามค่ำคืน ก่อนไปกินชาบูที่คนท้องถิ่นแนะนำว่าต้องมาทานร้านนี้ให้ได้ ร้านนี้เป็นชาบูหมูคุโรบุตะที่นี่หม้อใหญ่อลังการมากรสชาติจัดว่าเด็ด ถือว่าเป็นมื้อสุดท้ายของทริปที่อร่อยมากกกก ก่อนที่วันรุ่งขึ้นเรานั่งรถไฟไปสถานี Hakata แล้วจะบินกลับไทยที่สนามบิน Fukuoka เหมือนเดิม
เรื่องและภาพโดย : กุ๊กไก่ อัจฉราภรณ์ / แนน ภัทรกร
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โปรแกรมเดินทางใน Kagoshima ได้ที่ Telephone.: 02 634 8877
Website: www.worldsurprise.com/tours/collective/ Instagram: www.instagram.com/worldsurprisetravel Line: @worldsurprise