วันแรก อังคารที่ 8 สิงหาคม 2562 กรุงเทพฯ – สิงคโปร์ |
18.00 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณเคาน์เตอร์สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์
อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้นที่ 4 ประตูที่ 5 เคาน์เตอร์เช็คอินแถว K
เจ้าหน้าที่เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก
21.00 น. โดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ983 นำท่านเหินฟ้าสู่ สิงคโปร์
เชิญท่านนอนหลับพักผ่อนตามอัธยาศัย พักค้างแรมบนเครื่องบิน
วันที่สอง 9 สิงหาคม 2562 สิงคโปร์ – เคปทาวน์ – ฟาร์มนกกระจอกเทศ – เทเบิลเมาน์เทน – ย่าน Green Market Square – The Company Garden |
23.30 น. ถึงท่าอากาศยานชางกี ประเทศสิงคโปร์ แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
01.25 น. โดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ478 นำท่านเหินฟ้าสู่ เคปทาวน์
เช้า อาหารเช้า บริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม
09.25 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เคปทาวน์ ประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (เวลาที่แอฟริกาใต้ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) เคปทาวน์ เป็นเมืองตากอากาศที่ติดอันดับสวยงามที่สุดแห่งของโลก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี มีภูเขาล้อมรอบ และเป็นที่ตั้งของแหลมกู๊ดโฮป ซึ่งยื่นออกไประหว่าง 2 มหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้มีภูมิอากาศแบบทะเล เมดิเตอร์เรเนียน เคปทาวน์ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 2010
หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางสู่ West Coast Ostrich Ranch ฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศ ซึ่งเป็นนกที่ตัวใหญ่และวิ่งเร็วที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแอฟริกา ฟาร์มนกกระจอกเทศ เป็นธุรกิจอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ เนื้อนำไปทำเป็นสเต็กชั้นดี รสชาติคล้ายเนื้อวัว แต่อร่อยและหวานกว่า ขนใช้ทำเครื่องประดับ ส่วนหนังทำรองเท้า กระเป๋า และของที่ระลึกอื่นๆ เปลือกไข่สามารถนำมาวาดรูป ระบายสีลวดลาย เป็นของตกแต่งบ้านที่สวยงามได้
กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ฟาร์ม West Coast Ostrich Ranch เมนูสเต็กนกกระจอกเทศ
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เทเบิลเมาน์เทน (Iconic Table Mountain) หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของแอฟริกาใต้ ภูเขาลูกใหญ่กลางเมืองที่สามารถมองเห็นได้จากทุกสารทิศซึ่งมีความสูง 1,086 เมตร และมี รูปทรงแปลกตา คือ มีลักษณะคล้ายกับโต๊ะที่แบนราบตั้งอยู่บนแผ่นดิน จึงทำให้ภูเขาลูกนี้ ได้ชื่อว่า เทเบิลเมาน์เทน ซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดานักปีนเขาทั้งหลาย ด้วยเส้นทาง ชมธรรมชาติที่สวยงาม นำท่านเที่ยวชมสถานที่สำคัญๆ ต่างๆในเมืองเคปทาวน์ เมืองที่ติดอันดับ ชื่อว่า น่าเที่ยวที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง
เยี่ยมชมย่าน Green Market Square เป็นตลาดที่ อยู่ใจกลางเมืองเคปทาวน์ ซึ่งมีสินค้าหลากหลายชนิดมากมาย อาทิ ผ้าชนิดต่างๆ สร้อยคอ หน้ากาก สินค้าพื้นเมือง ของฝากต่างๆมากมาย ผ่านชมสวนThe Company Gardens ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยชาวอาณานิคมเชื้อสายดัตช์ในช่วงทศวรรษ1652 ผ่านชมสภาของแอฟริกาใต้ (House of parliament) ที่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงาม และโดดเด่น แล้วนำท่านชม ปราสาทแห่งกู๊ดโฮป (Castle of Good Hope) สิ่งก่อสร้างที่สำคัญและมีอายุเก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเคปทาวน์
จากนั้นนำท่านชม ย่านชุมชนชาวมลายูที่อพยพมาอยู่ ที่แอฟริกาใต้ในเมืองเคปทาวน์ มีชื่อว่าชุมชน BO-KAAP บริเวณดังกล่าวตั้งอยู่ที่ทางลาดของ เนินเขา SIGNAL HILL ชุมชนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนที่มีสีสันสดใส
จากนั้น นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก เพื่อเช็คอินและพักผ่อน
ค่ำ อาหารค่า ณ ภัตตาคาร พักค้างแรม ณ โรงแรม ONE&ONLY CAPE TOWN หรือในระดับเดียวกัน
วันที่สาม 10 สิงหาคม 2562 เคปทาวน์ – เคปเพนินซูล่า – อ่าวไมเด้น – หาดแคมป์เบย์ – ท่าเรือฮูทเบย์ – เกาะแมวน้ำ – เคปพอยท์ – แหลมกู๊ด โฮป – อาณานิคมนกเพนกวิน – หาดโบวล์เดอร์ |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เคปเพนินซูล่า โดยเส้นทางเรียบชายฝั่งทะเล ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายรูปที่ อ่าวไมเด้น จุดชมวิวที่สวยงาม และ หาดแคมป์เบย์ ชายหาดด้านหลังอุทยานแห่งชาติเทเบิลเมาน์เทน และเขาหิน 12 ลูก เป็นหนึ่งในหาดที่สวยที่สุดของโลก
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ฮูทเบย์ หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ เพื่อล่องเรือไปชมแมวน้ำจำนวนมาก ที่พากันมานอนอาบแดดรับความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์อย่างมีความสุขกันตามธรรมชาติอยู่บริเวณ เกาะซีล หรือ เกาะดุยเกอร์ ซึ่งเป็นอิริยาบถน่ารักๆ และวิถีชีวิตอันน่ามหัศจรรย์ของสัตว์โลกอีกชนิดที่หาดูไม่ได้ในบ้านเรา จากนั้นนำท่านชมความงามของชายฝั่ง ลัดเลาะสู่ชายหาดที่สวยสะดุดตา ข้ามยอดเขาอันสวยงามที่มีชื่อเสียงก้องโลก แชปแมนส์ พีค ให้ท่านแวะถ่ายรูปและชมภูมิประเทศที่แปลกตาอันน่าประทับใจ ซึ่งในปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของที่พักตากอากาศอันหรูหรา จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เคปพอยท์
กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านชม เคปพอยท์ จุดใต้สุดของ แหลมกู๊ดโฮป หนึ่งในสถานที่ที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของแอฟริกาใต้ และเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์ฮอลลีวูด “Pirates of the Caribbean” ที่ให้ความรู้สึกราวกับกำลังมองไปยังเส้นขอบโลก
เคปพอยท์ตั้งอยู่ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเทเบิลเมาน์เทน เป็นบริเวณที่ที่รู้จักกันดีว่ามีกระแสคลื่นและลมทะเลที่รุนแรง ด้วยหน้าผาสูงตระหง่าน และโขดหินโสโครกมากมาย นับเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์ที่โด่งดังระดับโลก และทำให้เรือใหญ่อัปปางมาแล้วถึง 26 ลำ
ในขณะเดียวกันก็ยังมีความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ผิวน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับเมื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ หุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้และพืชพันธุ์ที่มีความหลากหลาย รวมไปถึงสัตว์และนกกว่า 250 สายพันธุ์
แล้วนำท่านชม อาณานิคมนกเพนกวินพันธุ์แอฟริกัน เพื่อให้ท่านได้ชมความน่ารักของนกเพนกวินตัวน้อยนับพันตัวที่ หาดโบวล์เดอร์ ซึ่งเป็นนกเพนกวินแอฟริกัน JACKASS ที่ใกล้สูญพันธุ์ ในปี ค.ศ. 1982 นกเพนกวินเริ่มขยายพันธุ์มากขึ้น ณ หาด แห่งนี้จนกลายเป็นอาณานิคมนกเพนกวินที่มีนกเพนกวินอาศัยอยู่มากถึงราว 3,000 ตัว
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เคปทาวน์
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
พักค้างแรม ณ โรงแรม Table Bay หรือในระดับเดียวกัน
วันที่สี่ 11 สิงหาคม 2562 เคปทาวน์ – (Wine Route) ฟรันช์ฮก – สแตลเลนบอช – เคปทาวน์ |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางไปยัง ฟรันช์ฮก (Franschhoek) เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องโรงเก็บไวน์ และร้านอาหาร แกลเลอรี่ศิลปะ เส้นทางเดินธรรมชาติ และวิวทิวทัศน์อันสวยงาม นอกจากนี้ ฟรันช์ฮก ยังเป็นหนึ่งใน Cape Winelands อีกด้วย
จากนั้น นำท่านเดินทางผ่านเส้นทางแห่งไวน์สแตลเลนบอช (Stellenbosh Wine Route) สู่ เมืองสแตลเลนบอช หรือ City of Oak เมืองหลวงแห่งการทำไวน์เป็นเมืองเก่าแก่อันดับสองของแอฟริกาใต้ที่ยังคงรักษาไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม
เมืองนี้มีไร่องุ่นมากมาย และเป็นไร่องุ่นที่ดี มีโรงงานผลิตไวน์แดง และมีบริการให้ชิมไวน์ สแตลเลนบอชยังมีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการทำไวน์โดยเฉพาะอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นเมืองที่มีตึกเก่าแก่ที่สวยงามสไตล์ดัตช์ จอร์เจีย และวิคตอเรีย
กลางวัน ชิมไวน์ และ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารใน Wine farm
หลังอาหาร นำท่านชม พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านสแตลเลนบอช ซึ่งภายในบ้านจำลองสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนถึง 4 ยุค อันได้แก่ กระท่อมชเรียดอร์เฮยสโบราณ (1690-1720) บ้านเบลตเตอร์มันเฮยส (1750-1790) บ้านกรอเวอร์เนอร์สไตล์จอร์เจีย (1800-1830) และ บ้านเมอเรย์สไตล์วิคตอเรียยุคกลาง (1840-1870) อิสระให้ท่านได้เดินเล่นภายในเมือง ซึ่งยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เคปทาวน์
18.00 น. อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม ONE&ONLY CAPE TOWN หรือในระดับเดียวกัน
วันที่ห้า 12 สิงหาคม 2562 เคปทาวน์ – ซิมบับเว |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
14.30 น. โดยสายการบินสายการบิน เคนยา แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ KQ793 นำท่านเหินฟ้าสู่ท่าอากาศยานวิคตอเรีย ฟอลส์ ประเทศซิมบับเว
17.20 น. เดินทางถึงท่าอากาศยาน วิคตอเรีย ฟอลส์ ประเทศซิมบับเว
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรม
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
พักค้างแรม ณ โรงแรม THE ELEPHANT CAMP หรือในระดับเดียวกัน
วันที่หก 13 สิงหาคม 2562 ซิมบับเว – น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งประเทศซิมบับเว – น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งประเทศซิมบับเว |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหารนำท่านชม น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งประเทศซิมบับเว ประเทศซิมบับเว เดิมเรียกว่า โรดิเซีย (Rhodesia) โดยในปี ค.ศ.1923 จักรวรรดิอังกฤษยึดเอาดินแดนส่วนที่ชื่อว่า โรดิเซียใต้ มาจากบประเทศแอฟริกาใต้ แล้วผนวกเข้าเป็นอาณานิคม โดยมีรัฐบาลผิวขาวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเป็นผู้ปกครอง จึงทำให้เกิดการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิชอบธรรมจากชนพื้นเมืองซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกัน จนกระทั่งได้รับเอกราชจากอังกฤษในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ.1980 แล้วเปลี่ยนชื่อมาเป็น ซิมบับเว
น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งประเทศซิมบับเว มีจุดชมน้ำตกที่ไม่ควรพลาดคือ Devil’s Cataract, Main Falls, Horse Shoe Falls และ Rainbow Falls ซึ่งท่านจะได้สัมผัสความสวยงามและยิ่งใหญ่ของน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด ในการเดินชมน้ำตกท่านอาจจะต้องเปียกจากละอองน้ำ และฝนที่อาจตกเกือบตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นควรเตรียมเสื้อกันฝนที่มีฮู้ด และร่ม ติดตัวไปด้วย และอย่าลืม ถุงหรือกระเป๋ากันน้ำสำหรับกล้องต่างๆไปด้วย
กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านสัมผัสประสบการณ์การนั่งเฮลิคอปเตอร์ ชมน้ำตกวิคตอเรีย จากมุมสูง (Helicopter tour 13 นาที) ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย และยังมีเวลาให้ท่านได้เต็มอิ่มกับการเก็บภาพน้ำตกวิคตอเรียแบบใกล้ชิด
ได้เวลาอันสมควรนำท่านกลับสู่โรงแรม
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
พักค้างแรม ณ โรงแรม THE ELEPHANT CAMP หรือในระดับเดียวกัน
วันที่เจ็ด 14 สิงหาคม 2562 บอทสวานา – อุทยานแห่งชาติโชเบ – Game Drive – Sundowner cruise |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ สาธารณรัฐบอทสวานา โดยทางเรือ ข้ามแม่นํ้าโชเบ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้า เมืองและผ่านพรมแดนแล้ว นำคณะเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติโชเบ เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุด ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เข้ามาท่องป่าดูสัตว์ แบบซาฟารี อุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 10,698 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ ที่ 3 ในบอทสวานา เป็นแหล่งรวมฝูงสัตว์ใหญ่นานาชนิด อาทิ ฝูงช้างป่าที่มีกว่า 60,000 เชือก ฝูงควายป่า ม้าลาย และสัตว์นักล่าอย่าง สิงโต เสือดาว เสือชีต้า ไฮยีน่าลายจุด
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดูนก ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมนกนานาชนิดกว่า 450 สายพันธุ์ ซึ่งสัตว์ป่าที่นี่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรีตามธรรมชาติ นำท่านล่องเรือชมแม่น้ำโชเบสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ชมสัตว์นานาชนิดด้วยบรรยากาศสบายๆ
กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
ให้ท่านตื่นเต้นกับการท่องซาฟารี หรือ Game Drive โดยรถแบบ 4WD ที่จะพาไปชมสัตว์ป่า เป็นรถแบบเปิดโล่งด้านข้าง รถแต่ละคันจะมีนายพรานหรือ Ranger ซึ่งเป็นทั้งคนขับรถ และไกด์คอยแนะนำวิธีการชมสัตว์ให้ทราบ จุดเด่นของอุทยานฯแห่งนี้คือท่านจะเห็นฝูงช้างป่าแอฟริกาออกหากินตามลำน้ำ เป็นภาพธรรมชาติที่หาชมได้ยากยิ่ง
นอกจากนี้ท่านอาจเห็นฝูงฮิปโปโปเตมัสนับสิบตัวอาศัยอยู่ตามริมฝั่ง นอกจากนี้ท่านยังสามารถพบเห็นสัตว์จำพวกกวางป่าหายาก อย่างตัว เซเบล เซลเซบี้ เรด รีชเว กวางโชเบ ฯลฯ ได้อีกด้วย
จากนั้น นำท่านล่องเรือ Sundowner cruise ชมแม่น้ำแซมเบซี ในยามเย็น แม่น้ำแซมเบซี เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่เหนือน้ำตกวิคตอเรียไม่กี่กิโลเมตร ให้ท่านได้ชมความกว้างใหญ่ของแม่น้ำและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ในยามเย็น
ชมดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในบรรยากาศอันแสนโรแมนติก สายลมอันสดชื่นที่กรุ่นกลิ่นทุ่งหญ้าอ่อนๆ และดอกไม้ป่าจะช่วยให้ท่านผ่อนคลาย พร้อมชมทิวทัศน์สองข้างทางซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวชะอุ่ม ตื่นตาตื่นใจกับบรรดาชีวิตสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิ ฮิปโปโปเตมัส และนกนานาชนิด ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ท่านรู้สึกว่า 2 ชั่วโมงที่ล่องเรือผ่านไปไวเหมือนสายลมพัดจนไม่ทันรู้สึกตัว
นอกจากจะได้รับการยอมรับถึงความสวยงามและความยิ่งใหญ่แล้วแซมเบซียังเป็นแม่น้ำที่เป็นแหล่งแห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่ง อาหารของเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งสัตว์บกที่อาศัยอยู่ริมพงไพร และบรรดาสัตว์น้ำต่างๆ รวมถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ที่ใช้ แม่น้ำแซมเบซี เป็นเส้นทางการคมนาคมทางน้ำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างชื่อเสียง รายได้ที่สำคัญ และเป็นแหล่งผลิตพลังงานทางธรรมชาติด้วย แม่น้ำแห่งนี้จึงได้รับ อีกสมญานามว่าเป็น “The River of Life” หรือ แม่น้ำแห่งชีวิต
ได้เวลาอันสมควรนำท่านกลับสู่โรงแรม
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม ROYAL LIVINGSTONE HOTEL หรือในระดับเดียวกัน
วันที่แปด 15 สิงหาคม 2562 น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งแซมเบีย – วินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางชม น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งประเทศแซมเบีย หรือเรียกกันอีกชื่อว่า “โมซิ-โอวา-ทุนยา” น้ำตกที่มีความหมายว่า “ควันที่ส่งเสียงกึกก้อง” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก (Seven Natural Wonders of the World) น้ำตกวิคตอเรีย ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของประเทศแซมเบียและประเทศซิมบับเว เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถูกค้นพบครั้งแรกโดย ดร.เดวิด ลิฟวิงสโตน ในปีค.ศ.1855 ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อน้ำตกนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย
น้ำตกวิคตอเรีย เกิดจากแม่น้ำแซมเบซี ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนของทั้งสองประเทศ ตกลงมาสู่แอ่งลึกโดยน้ำตกมีขนาดกว้างกว่า 1,690 เมตร สูงราว 60 – 100 เมตร ไอน้ำจากน้ำตกวิคตอเรียสามารถมองเห็นได้จากระยะ 20 กิโลเมตร น้ำตกวิคตอเรียแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1989 ปัจจุบันนี้ น้ำตกวิคตอเรีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญของประเทศแซมเบียและประเทศซิมบับเว จึงมีการสร้างโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ
ชมน้ำตก Armchair Falls ซึ่งเป็นจุดที่น้ำตกมีความสูงเป็นอันดับสอง รองจาก Rainbow Falls สูงถึง 101 เมตร อีกแห่งหนึ่งคือ น้ำตก Eastern Cataract ซึ่งสวยงามไม่แพ้จุดอื่นๆ การเดินชมน้ำตกจะต้องเปียกจากละอองน้ำและฝนที่อาจตกได้ตลอดทั้งปี ฉะนั้น ควรเตรียมเสื้อกันฝนที่มีฮู้ด ร่ม ติดตัวไปด้วย และอย่าลืม ถุงหรือกระเป๋ากันน้ำสำหรับกล้องต่างๆไปด้วย
กลางวัน อาหารกลางวัน ภัตตาคารภายในโรงแรม
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ วิคตอเรียฟอลล์ ประเทศซิมบับเว
16.30 น. โดยสายการบินแอร์นามิเบีย เที่ยวบินที่ SW406 นำท่านเหินฟ้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ วินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย
18.10 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ วินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม HILTON WINDHOEK หรือในระดับเดียวกัน
วันที่เก้า 16 สิงหาคม 2562 วินด์ฮุก – ซอสซุสไฟล์ – ทะเลทรายนามิบ – Big Daddy – Big Mama – Dead Vlei – Dune 45 – วินด์ฮุก |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
07.30 น. ออกเดินทางจากวินด์ฮุก โดยเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ แล้วนำท่านเดินทางสู่ ซอสซุสไฟล์ ประเทศนามิเบีย
(กรุณาเตรียมอุปกรณ์ต่างๆสำหรับตะลุยสันทรายที่สวยงาม อาทิ ครีมกันแดด หมวก เสื้อสีสดใส รองเท้าผ้าใบที่สวมใส่กระชับเพื่อความคล่องตัวในการเดินบนทราย และน้ำดื่ม)
จากนั้น นำท่านนั่งรถขับเคลือน 4 ล้อ (4WD vehicle) ชมทะเลทรายที่สวยงามบริเวณ ซอสซุสไฟล์ ซึ่งได้ชื่อว่าสวยสุดยอดของ ทะเลทรายนามิบ (Namib Desert) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลทรายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งมีอายุ นานถึง 55 ล้านปี และชื่อของประเทศนามิเบีย ก็มาจากชื่อทะเลทรายแห่งนี้ จากเดิมที่ชื่อว่า South West Africa นั่นเอง
กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Sossusvlei Lodge
หลังอาหาร นำท่านแวะชมและถ่ายรูปกับเนินทรายสีแดง (Dune 45) เป็นเนินทรายขนาดใหญ่สูงกว่า 150 เมตร ตั้งอยู่ในหลักกิโลเมตรที่ 45 นับจากประตูทางเข้าอุทยาน จากซอสซุสไฟล์
ได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่ วินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย
16.30 น. โดยเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ นำท่านเหินฟ้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ วินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม HILTON WINDHOEK หรือในระดับเดียวกัน
วันที่สิบ 17 สิงหาคม 2562 วินด์ฮุก – โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ วินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย
12.15 น. โดยสายการบินเซาต์แอฟริกันแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ SA075 นำท่านเหินฟ้าสู่ โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้
14.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ หรือที่ชาวแอฟริกาใต้เรียกกันสั้นๆว่า โจเบิร์ก เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแอฟริกาใต้ ได้รับฉายาว่า “THE GOLD CITY” เนื่องจากในช่วงศตวรรษที่ 20 มีการแบ่งแยกสีผิว ทำให้เกิดชุมชนต่างผิวขึ้นคนละมุมเมือง โดยแยกเป็นเมืองคนขาว คือ Sandton และเมืองคนดำคือ Soweto
ปัจจุบัน โจฮันเนสเบิร์ก เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่สุดของแอฟริกาใต้ เมืองแห่งความบันเทิงและการพักผ่อนหย่อนใจ เพราะโจฮันเนสเบิร์กเป็นเมืองซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร แสงสียามค่ำคืน ผับ บาร์ ซิการ์บาร์ แหล่งช้อปปิ้ง สปาเพื่อสุขภาพและความงาม
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร The Carnivore
พักค้างแรม ณ โรงแรม MICHELANGELO HOTEL หรือในระดับเดียวกัน
วันที่สิบเอ็ด 18 สิงหาคม 2562 โจฮันเนสเบิร์ก – เพรทโตเรีย – จัตุรัสโบสถ์ – อาคารยูเนี่ยน – อนุสรณ์สถานวูเทรกเกอส์ – โรสแบ้งค์ มอลล์ – สิงคโปร์ |
เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เพรทโตเรีย เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับสมญานามว่าเป็นกรุงเยรูซาเลมแห่งแอฟริกัน ปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงด้านการบริหารประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่า “City of Jacaranda” เนื่องจากในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ต้น Jacaranda จะออกดอกสีม่วงบานสะพรั่งสวยงามดุจดั่งซากุระของชาวญี่ปุ่น
แล้วนำท่านชม จัตุรัสโบสถ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งแรกในเพรทโตเรีย ได้รับการออกแบบให้ดูคล้ายๆ กับการผสมผสานระหว่างจัตุรัสทราฟัลการ์ในมหานครลอนดอนและจัตุรัสคองคอร์ดในกรุงปารีส ด้านหน้าจัตุรัสท่านจะพบกันอนุสาวรีย์รูปปั้นอดีตประธานาธิบดี พอล ครูเกอร์ (Paul Kruger) ตั้งเด่นสง่าอยู่
จากนั้น นำท่านชมด้านนอก อาคารยูเนี่ยน ที่ปัจจุบัน เป็นที่ทำการของประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ โดยทางด้านนอกอาคาร มีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี เนลสัน แมนเดลล่า (Nelson Mandela) ตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่งอาคารแห่งนี้เป็นผลงานการสร้างของสถาปนิกชาวอังกฤษ ที่ชื่อว่า เซอร์ เฮอร์เบิร์ต เบเกอร์ (Sir Herbert Baker) ในปีค.ศ. 1910 โดยใช้สถาปัตยกรรม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเกาะอังกฤษ
ตัวอาคารเรียงเป็นรูปครึ่งวงกลม แบ่งตัวอาคารเป็นสองฝั่ง โดยมีหอนาฬิกาอยู่ตรงกลางคล้ายหอนาฬิกาบิ๊กเบน ในมหานครลอนดอน และสร้างจาก หินทรายทั้งหมด นับเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของประเทศ ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
แล้วนำท่านชม อนุสรณ์สถานวูเทรกเกอส์ อาคารขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการประกาศชัยชนะ และรำลึกถึงความกล้าหาญของชาววูเทรกเกอส์ หรือก็คือผู้บุกเบิกดินแดนแอฟริกา ตัวอาคารมีขนาดความสูง 40 เมตร ใช้หินแกรนิตเป็นวัสดุหลักในการสร้าง ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศที่แต่ละปีมีนักท่องเที่ยว เข้าเยี่ยมชมกว่า 200,000 คน
กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ โจฮันเนสเบิร์ก แล้วนำท่านเดินทางสู่ โรสแบ้งค์ มอลล์ ให้ท่านได้ช้อปสินค้ามากมายหลากหลาย ทั้งสินค้าแบรนด์เนมและสินค้าท้องถิ่น โดยแบ่งออกเป็น ในส่วนของห้างสรรพสินค้า และร้านค้าภายนอกที่จะเป็นสินค้าหัตถกรรม เช่น ผ้าพันคอ และ เครื่องประดับ เป็นต้น จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินเล่น หรือเลือกซื้อของตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
22.30 น. โดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ481 นำท่านเหินฟ้าสู่ สิงคโปร์
พักค้างแรมบนเครื่องบิน
วันที่สิบสอง 19 สิงหาคม 2562 สิงคโปร์ – กรุงเทพฯ |
เช้า อาหารเช้าบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม
14.55 น. ถึงท่าอากาศยานชางฮี ประเทศสิงคโปร์ แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
17.30 น. โดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ982 นำท่านเหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
19.00 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ